คูซูโนกิ มาซาชิเงะ (
ญี่ปุ่น: 楠木 正成code: ja is deprecated
โรมาจิ:
Kusunoki Masashige ค.ศ. 1294 ถึง
ค.ศ. 1336) เป็น
ซามูไรในช่วงต้น
ยุคมูโรมาจิ เป็นซามูไรคนสำคัญซึ่งสู้รบอยู่ในฝ่ายของพระ
จักรพรรดิโกะ-ไดโงะชีวิตในวัยเยาว์ของคูซูโนกิ มาซาชิเงะ และความเป็นมาของตระกูลคูซูโนกิ ไม่ได้รับการบันทึกไว้ คูซูโนกิ มาซาชิเงะ เป็นซามูไรระดับล่าง อาศัยอยู่ในแคว้นคาวาจิ (
ญี่ปุ่น: 河内code: ja is deprecated
โรมาจิ:
Kawachi จังหวัดโอซากะในปัจจุบัน) เมื่อพระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ ทรงประกาศเชื้อเชิญให้บรรดาซามูไรทั้งหลายที่ไม่พอใจการปกครองของ
รัฐบาลโชกุนคามากูระเข้าร่วมกับกองกำลังของพระองค์ในการล้มล้างรัฐบาลโชกุนฯ ในปี
ค.ศ. 1331 คูซูโนกิ มาซาชิเงะ ประกาศตนเข้ากับฝ่ายของพระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ และสร้างกองกำลังอยู่ที่ป้อมอากาซากะ (
ญี่ปุ่น: 赤坂code: ja is deprecated
โรมาจิ:
Akasaka) ในแคว้นคาวาจิ ซึ่งเจ้าชายโมริโยชิ (
ญี่ปุ่น: 護良親王code: ja is deprecated
โรมาจิ:
Moriyoshi shinnō) พระโอรสของจักรพรรดิโกะ-ไดโงะเสด็จมายังป้อมอากาซากะเพื่อทรงร่วมนำทัพในการต่อต้านรัฐบาลโชกุน แต่ทว่า
ตระกูลโฮโจแห่งรัฐบาลโชกุนฯ ส่งกองทัพมาเข้าล้อมป้อมอากาซากะและสามารถยึดป้อมได้ คูซูโนกิ มาซาชิเงะ นำเจ้าชายโมริโยชิเสด็จหนีออกจากป้อมอากาซากะ จากนั้นมาซาชิเงะรวบรวมกำลังได้อีกครั้งที่ป้อมชิฮายะ (
ญี่ปุ่น: 千早code: ja is deprecated
โรมาจิ:
Chihaya) ทัพของตระกูลโฮโจเข้าล้อมป้อมชิฮายะแต่ไม่สำเร็จเมื่อไม่สามารถปราบกองกำลังของจักรพรรดิโกะ-ไดโงะได้ รัฐบาลโชกุนคามากูระจึงส่ง
อาชิกางะ ทากาอูจิ (
ญี่ปุ่น: 足利 尊氏code: ja is deprecated
โรมาจิ:
Ashikaga Takauji) ยกทัพมาปราบกองกำลังของจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ แต่ทว่าอาชิกางะ ทากาอูจิ แปรพักตร์มาเข้ากับฝ่ายของจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ และเข้ายึดนครหลวง
เกียวโตถวายแด่พระจักรพรรดิ ส่วน
นิตตะ โยชิซาดะ (
ญี่ปุ่น: 新田 義貞code: ja is deprecated
โรมาจิ:
Nitta Yoshisada) ยกทัพเข้ายึดเมือง
คามากูระ ทำให้รัฐบาลโชกุนคามากูระสิ้นสุดลง พระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ ทรงฟื้นฟูการปกครองซึ่งมีราชสำนักเมืองเกียวโตเป็นศูนย์กลางขึ้นมาใหม่ เรียกว่า การฟื้นฟูเป็นเค็มมุ (Kemmu Restoration) และลดอำนาจของชนชั้นซามูไร สร้างความไม่พอใจให้แก่ชนชั้นซามูไรโดยทั่วไป ใน
ค.ศ. 1335 อาชิกางะ ทากาอูจิ แยกตนออกไปเพื่อก่อตั้งรัฐบาลโชกุนขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่คูซูโนกิ มาซาชิเงะ และนิตตะ โยชิซาดะ ยังคงจงรักภักดีต่อพระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ อาชิกางะ ทากาอูจิ ยกทัพเข้าประชิดเมืองเกียวโตใน
ค.ศ. 1335 คูซูโนกิ มาซาชิเงะ สามารถขับไล่ทัพของอาชิกางะออกไปได้ แต่ทว่าในปีต่อมา
ค.ศ. 1336 อาชิกางะ ทากาอูจิ สามารถรวบรวมกำลังพลขนาดใหญ่ทั้งทางน้ำและทางบกเข้ามายังเมืองเกียวโต คูซูโนกิ มาซาชิเงะ ถวายคำแนะนำแด่จักรพรรดิโกะ-ไดโงะ ว่าควรจะเสด็จออกจากนครเกียวโตไปก่อนเพื่อไปตั้งรับนอกเมือง เนื่องจากทัพของอาชิกางะมีขนาดใหญ่เกินรับมือ แต่จักรพรรดิโกะ-ไดโงะและนิตตะ โยชิซาดะ ยืนกรานที่จะตั้งรับอยู่ภายในนครหลวงเกียวโต แม้จะทราบดีว่าการสู้รบในครั้งนี้มีโอกาสชนะน้อย แต่คูซูโนกิ มาซาชิเงะ ยังคงปฏิบัติตามพระราชโองการของจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ ยกทัพออกไปตั้งรับต่อกรกับอาชิกางะในยุทธการที่มินะโตะงะวะ (
ญี่ปุ่น: 湊川の戦いcode: ja is deprecated
โรมาจิ:
Minatogawa-no-tatakai) ทัพของนิตตะ โยชิซาดะ ถูกโจมตีจนถอยร่นไป เหลือเพียงคูซูโนกิ มาซาชิเงะ เผชิญหน้ากับทัพขนาดใหญ่ของอาชิกางะ ทาดาโยชิ (
ญี่ปุ่น: 足利 直義code: ja is deprecated
โรมาจิ:
Ashikaga Tadayoshi ) ซึ่งเป็นน้องชายของอาชิกางะ ทากาอูจิ เพื่อประสบกับความพ่ายแพ้ คูซูโนกิ มาซาชิเงะ จึงทำการ
เซ็ปปูกุเสียชีวิตหลังจากที่คูซูโนกิ มาซาชิเงะ เสียชีวิตไปแล้ว อาชิกางะ ทากาอูจิ สามารถเข้ายึดเมืองเกียวโตได้ ก่อตั้ง
รัฐบาลโชกุนอาชิกางะ บุตรชายของมาซาชิเงะ คือ คูซูโนกิ มาซัตสึระ (
ญี่ปุ่น: 楠木 正行code: ja is deprecated
โรมาจิ:
Kusunoki Masatsura) รับช่วงต่อหน้าที่การนำทัพของพระราชวงศ์ฝ่ายใต้ในรัชสมัยของ
จักรพรรดิโกะ-มูรากามิ คูซูโนกิ มาซัตสึระ เสียชีวิตระหว่างสงครามใน
ค.ศ. 1348 จากนั้นบุตรชายอีกคนของมาซาชิเงะ คือ คูซูโนกิ มาซาโนริ (
ญี่ปุ่น: 楠木 正儀code: ja is deprecated
โรมาจิ:
Kusunoki Masanori) ขึ้นเป็นผู้นำทัพของพระราชวงศ์ฝ่ายใต้ต่อมานักวิชาการใน
ยุคเมจิยกย่องเชิดชู คูซูโนกิ มาซาชิเงะ ให้เป็นตัวอย่างของความจงรักภักดีต่อสถาบันพระจักรพรรดิญี่ปุ่น ในยุคเมจิมีการสร้างอนุสาวรีย์ของคูซูโนกิ มาซาชิเงะ ขึ้นใน
พระราชวังอิมพีเรียลเมืองโตเกียว และคูซูโนกิ มาซาชิเงะ ยังเป็นแบบอย่างให้แก่กองกำลัง
คามิกาเซะในช่วง
สงครามโลกครั้งที่สองอีกด้วย